โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อย่าเชื่อโดยขาดการพิจารณาด้วยปัญญา เนื้อหาบางส่วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าบทความ ขอสงวนสิทธิในการเผยแผ่ต่อ โปรดเคารพต่อสิทธิของเจ้าของบทความ

กฎแห่งความสำเร็จ

 ลอกมา  
จากที่ไหน ใครกล่าว หาเอาเอง

.........................................


การมีความสามารถแต่ปราศจากเป้าหมายชัดเจน ก็เหมือนปลาหมึกยักษ์ใส่รองเท้าสเกต


หากต้องการประสบความสำเร็จ ต้องเน้นเรื่องที่ทำได้ อย่าสนใจสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้


โลกของเราเต็มไปด้วยคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และพวกเค้ายินดีดิ้นรนไปหาสิ่งนั้น


กฎแห่งความสำเร็จข้อที่หนึ่งเลยของยุคนี้ คือให้สนใจทุ่มเทพลังทั้งหมดไปที่กิจกรรม ที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว


คนโง่วิ่งไล่จับหนูร้อยตัว คนไม่โง่เพียงให้อาหารแมวหนึ่งตัว


โลกย่อมหลีกทางให้ใครก็ตาม ที่รู้ว่าจะก้าวเดินไปทางไหน


สนใจเรื่องเมื่อวาน วันนี้จะไร้ประโยชน์    สนใจเรื่องวันนี้ วันพรุ่งนี้จะดีขึ้น


…………………………



เคล็ดของความสำเร็จอยู่ที่การเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม


คุณมีสิทธิอ้างเพียงครั้งเดียวว่าไม่เคยรู้ ไม่เคยเจอ แบบนี้มาก่อน


เวลาที่เหมาะที่สุดในการซ่อมหลังคาคือ ตอนแดดออก


ถ้าผมมีเวลาตัดไม้แปดชั่วโมง ผมจะใช้เวลาลับขวานสักหกชั่วโมง


แผนการก็มีค่าเท่ากับราคากระดาษที่ใช้เขียนมันขึ้นมา ถ้ามันไม่ถูกนำไปลงมือทำ


บันไดจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อปีนขึ้นไปแล้วพบว่ามันถูกพาดเอาไว้ผิดตึก


งานไหนก็ตามที่ใช้วิธีการเดิมๆมาระยะหนึ่งแล้ว ถือว่าเป็นการทำงานที่ผิดวิธี เพราะการทำงานทุกอย่างย่อมพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีก ในเมื่อมีวิธีการที่ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา หน้าที่คือหามันให้พบ


การรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรนั้น ครึ่งหนึ่งคือรู้ว่า คุณต้องเสียอะไรไปบ้างเพื่อให้ได้มันมา


ความสำเร็จเกิดขึ้นจากการฝึกซ้อมที่หนักกว่าและพยายามมากกว่าคนอื่น


ความยอดเยี่ยมคือทักษะที่ได้มาด้วยการฝึกซ้อมและหมั่นทำจนเป็นนิสัย


ทุกสิ่งล้วนรุ่งเรืองและล้มเหลวตามภาวะการเป็นผู้นำ


การช่วยเหลือคนที่ไม่ยอมช่วยตัวเองถึงอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ การพยายามช่วยเหลือคนที่ไม่ได้อยากให้ช่วยก็พอกัน


ความสำเร็จวัดคุณค่าของตัวเราได้โดยเปรียบเทียบกับคนอื่น ส่วนความยอดเยี่ยมวัดคุณค่าของตัวเราโดยเทียบกับศักยภาพของตัวเราเอง


การจะฝึกฝนให้ได้ดี ต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม


คุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดในตัวคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนก็คือ พวกเขาพิชิตความเย้ายวนใจที่อยากจะยอมแพ้ได้สำเร็จ


อย่าเปลี่ยนแปลงแค่ให้หนีจากปัญหาได้เท่านั้น ต้องเปลี่ยนแปลงให้มากพอที่แก้ปัญหาได้


อย่าเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณเพื่อจะให้ชีวิตคุณดีขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลงตัวคุณเพื่อให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น


อย่าทำอะไรซ้ำซากแล้วคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป


บุคคลใดที่ทุ่มเทสุดความสามารถในยุคของเขา บุคคลนี้จะมีชีวิตยืนยาวต่อไปในทุกยุคทุกสมัย


.....................................................



คนเก่งมีเป็นพันๆ  เพียงแต่คนเหนือเก่งจะทำงานต่อไปจนมันเสร็จสมบรูณ์


ความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนทั่วไป ไม่ได้อยู่ที่ขาดพลัง ความรู้ แต่ขาดความมุ่งมั่น


พวกเราจะหาหนทางให้เจอ หรือไม่ก็จะสร้างหนทางขึ้นมาเอง


ชีวิตไม่ใช่การแข่งขันระยะทางไกลๆเพียงครั้งเดียว แต่มันคือการแข่งระยะสั้นๆไปอย่างต่อเนื่อง


คนจำนวนมากที่ล้มเหลว คือคนที่ไม่รู้ว่าตอนเค้ายอมแพ้นั้น ได้เข้าใกล้ความสำเร็จไปมากเพียงใด


ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ที่การก้าวข้ามความเชื่อของตัวเองที่ว่า ความคิดของตัวเองนั้นคงใช้ไม่ได้


คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ คือพวกที่บอกว่า ความล้มเหลวคือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า พวกเค้าไม่สามารถจะทำเรื่องนั้นได้


คุณไม่สามารถทำอะไรในชีวิตได้มากนัก หากจะเลือกทำงานแต่วันที่ตัวเองรู้สึกดี


ความไม่ท้อถอยคือความดื้อรั้นที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน


เวลาคนเรามีจุดหมายในชีวิต และลุ่มหลงในเรื่องนั้นอย่างมาก พลังจะพุ่งขึ้น อุปสรรคทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องเล็ก


ความล้มเหลวร้อยละ99 เกิดจากคนที่มีนิสัยชอบแก้ตัว


ผมตั้งใจจะลองเล่นเกมนี้ซักตั้ง หากผมแพ้มันก็แสดงให้เห็นว่า ผมไม่น่าจะชนะความท้าทายอื่นๆได้


คนกล้าหาญเท่านั้นถึงจะยอมรับฟังความจริงที่ไม่น่าฟัง


ไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องใดก็ตาม ถึงอย่างไรย่อมมีบางคนบอกว่าคุณทำผิด


........................................


ความเชื่อมั่นทำให้คุณยอมโต้เถียงกับคนอื่นเท่านั้น แต่ความเชื่อมั่นอันแรงกล้าคือสิ่งที่คุณจะยอมตายแทนมัน


ความกล้าหาญ คือการกลัวสุดขีดแต่ตัดสินใจออกไปเผชิญกับมัน


เมื่อเราคอยบันทึกความผิดพลาดของคนอื่น นั่นย่อมเผยให้เห็นว่า เรายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ


การทำร้ายคนอื่นทำให้คุณต่ำต้อยกว่าศัตรูของคุณ การแก้แค้นทำให้อยู่ระดับเดียวกัน แต่การให้อภัยจะทำให้คุณอยู่เหนือกว่า


ถ้าคุณต้องคอยเดินไปบอกว่าคุณเป็นผู้หญิง คุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงหรอก

......................................................



เมื่อคนเรารู้ว่าตัวเองมีจุดแข็งตรงไหน สิ่งที่ขัดขวางเขาไว้ไม่ใช่เพราะขาดความสามารถ แต่เป็นการขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง


เวลาที่คุณใช้ชีวิตโดยใช้พลังไปเพียงครึ่งเดียว พลังอีกครึ่งหนึ่งจะตามรบกวนจิตใจคุณ จนกว่าคุณจะพัฒนามันให้ดีขึ้น


สิ่งที่หลายประเทศรู้สึกอิจฉาอเมริกาคือ พวกเค้ามักจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้


อยู่ให้ห่างกับคนที่ชอบพูดว่า  ทำแบบนั้นไม่ถูกหรอก – คุณกำลังเสี่ยงเกินไป – เอาไปทำจริงๆไม่ได้หรอก – ก่อนหน้านี้เราเคยลองมาแล้วมันไม่ได้ผล – เรายังไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน – ถ้ายังใช้ได้อยู่ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก – คิดอะไรเกินตัวไปนะ – ที่นี่เราไม่ใช้วิธีนั้นกันหรอก


หากอยากประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องยอมรับความผิดหวังหลายๆครั้งให้ได้


ชีวิตคนเราไม่ได้ดีขึ้นด้วยโอกาส แต่ดีขึ้นได้เพราะการเปลี่ยนแปลง


สิ่งเดียวที่จำกัดความสำเร็จของเราในวันพรุ่งนี้ คือความไม่มั่นใจของเราเองในวันนี้


ในบรรดาภาษาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีภาษาอยู่20ภาษาที่คำว่า Belief มีความหมายเหมือนคำว่า Do


ในโลกนี้มีคนอยู่สองประเภท คือ คนที่อยากทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ กับ คนที่ไม่อยากทำอะไรให้ผิดพลาด


ภูเขาเอเวอเรสต์ นายเอาชนะพวกเราได้ แต่ฉันจะหวนกลับไป และเอาชนะนายให้ได้ ก็เพราะว่านายยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ตัวฉันทำได้


.............................



จงหาสิ่งที่คุณชอบทำมากๆจนถึงขนาดยินดีทำสิ่งนั้นโดยไม่รับค่าตอบแทนเลย แล้วหากว่าได้เรียนรู้การทำสิ่งนั้นให้ดีดีแล้ว วันหนึ่งจะมีคนยินดีจ่ายค่าตอบแทนเพื่อให้คุณทำสิ่งนั้น


ความตายไม่ใช่การสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต แต่คือ เมื่อสิ่งที่อยู่ภายในเราตายไปขณะเรายังมีชีวิตอยู่ต่างหาก


หากคนเราไม่พบสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุดแล้ว เขาก็ไม่เหมาะจะมีชีวิตอยู่ต่อไป


ผมรู้แล้วว่าวิธีเดียวที่จะทำให้ความสามารถของผมเพิ่มขึ้นสูงสุดและประสบความสำเร็จได้นั้น ผมต้องทำให้ ความหลงใหลกับเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปในทิศทางเดียวกัน


…………………………….


สิ่งที่ท่านกระทำย่อมก้องกังวานในหูข้าพเจ้าจนไม่อาจได้ยินสิ่งที่ท่านได้พูดออกมา


ไม่ว่าคนเราจะดีเลิศซักแค่ไหน ก็ไม่มีทางสร้างความมั่นใจแก่ลูกน้องและเพื่อนร่วมงานได้ หากเค้าขาดความซื่อสัตย์ขั้นพื้นฐาน และไม่กล้ายืนหยัดทำสิ่งที่ถูกต้อง


เมื่อคนที่ไปร่วมงานศพเดินกลับมา สิ่งเดียวที่จะเหลือกลับมาและไม่ถูกฝังลงไปด้วย คือ นิสัยที่ดีงามของผู้ตาย


ไม่มีหมอนใบไหนจะนุ่มสบายเท่ากับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอีกแล้ว


แม้ความสามารถสร้างขึ้นได้ในยามชีวิตสงบราบเรียบ แต่นิสัยที่ดีงาม ต้องสร้างขึ้นในยามที่ชีวิตถูกปัญหารุมเร้าเท่านั้น


ความซื่อสัตย์ไม่ใช่สิ่งที่คุณแสดงออกมาภายนอก แต่มันอยู่ที่ว่าภายในใจของคุณเป็นคนซื่อสัตย์หรือเปล่า


ความผิดพลาดเกือบทุกชนิดนั้นพอให้อภัยได้ หากเปรียบเทียบกับการคิดหาวิธีต่างๆขึ้นมาแก้ตัวและกลบเกลื่อนความผิดนั้นไว้


………………………



ขอให้ชีวิตสวยงามต่อไป

จากคุณ: koknam  
เขียนเมื่อ: 23 ก.ค. 52 17:58:48


ขอรบกวนขอคำชี้แนะเรื่องหลักปฏิบัติของหลวงพ่อเทียนหน่อยครับ

 ขอรบกวนขอคำชี้แนะเรื่องหลักปฏิบัติของหลวงพ่อเทียนหน่อยครับvote   ติดต่อทีมงาน
คือผมไม่สามารถตั้งกระทู้ได้ขอรบกวน ผู้ใจดีช่วยตั้งกระทู้หน้าหลักของห้องศานาให้หน่อยครับผม


ขอรบกวนขอคำชี้แนะเรื่องหลักปฏิบัติของหลวงพ่อเทียนหน่อยครับ

1.ความรู้สึกตัว ตามความเข้าใจหมายถึงในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นนอนมา ไม่ว่าจะทำอะำไรให้รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา เดินก็รู้สึกว่าเดิน หายใจ กระพริบตา พูด มือสัมผัสกัน ทานอาหาร เวลาร่างกายเคลื่อนไหวก็ให้รู้ว่ามีตรงไหนเคลื่อนไหว หรือกระทบกันบ้าง ให้เฝ้าดูอย่างนี้ไปตลอด ไม่ปล่อยให้ความคิดจินตนาการไปออกนอกจากนี้ เป็นต้นว่าถ้าเราจะแกว่งแขนติดต่อกัน 1 ชั่วโมงจิตใจต้องรู้สึกอยู่ที่การแกว่งแขนอย่างเดียวตลอดทั้งชั่วโมง ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ?



2. แล้วในเวลาที่ต้องใช้สมาธิกับเรื่องใดเรื่องนึง (เวลาที่ต้องทำงานใช้ความคิด จินตนาการ) เช่น อ่านหนังสือเรียน หรือคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ใช้หลักการเดียวกันหรือเปล่าครับ คือให้รู้ว่าคิดเรื่องไหนก็ให้คิดแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว แล้วอย่างนี้การรู้สึกตัวมันไม่ได้ทำให้ความคิดไขว้เขวเหรอครับ
(เช่น กำลังคิดแก้โจทย์คณิต แต่ไปกำหนดการรู้สึกตัวที่การเคลื่อนไหวของมือที่จับปากกาแทน)



3. แล้วถ้าเวลากำหนดความรู้สึกตัว แต่ความคิดมันเผลอจินตนการเข้ามาจนได้ (เช่น เวลาอยู่บนรถแล้ว ลูบมือ พลิกมือไปมาหรือฝึกท่าต่างๆ เพื่อกำหนดสติ แต่ดันไปคิดเรื่องทะเลาะกับเพื่อน หรือ ปัญหาด้านการงาน) ใช้หลักอะไรในการตัดความคิดนั้นออกไปครับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเปล่าครับ คือเฝ้าดูความคิดว่าเรากำลังคิดเรื่องอะไร มีกี่เรื่อง แล้วจัดการกับมันอาจจะเป็นการหาเหตุผลมาลบล้าง หรือมองว่ามันไม่เที่ยงแล้วก็ตัดมันออกไป หรือว่าเวลาที่กำหนดความรู้สึกถ้ามีความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาให้ตัดไปเลย ไม่ต้องไปสนใจหรือไปปรุงแต่งต่อยอดมัน พูดง่ายๆคือ อย่าใส่ใจว่าจะคิดเรื่องอะไร มันแวปเข้ามาก็ให้ตัดออกไปทันทีแล้วกลับมากำหนดใหม่ จริงๆแล้วเป็นแบบไหนครับ



4. วิธีปฏิบัติที่ได้ผลดีที่สุดคือต้องทำไปเรื่อยๆหรือเปล่าครับ เช่น ลองกำหนดตั้งแต่ตัวเองตื่นนอนมาเลย แล้วกำหนดในทุกอริยาบท ถ้ามีความคิดเข้ามาต้องตัด แล้วก็กำหนดใหม่ ถ้าเข้ามาใหม่ก็ตัดแล้วกำหนดใหม่อีก ทำไปเรื่อยๆ อย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ



ตอบข้อที่ทราบก็ได้ครับ ส่วนตัวเป็นคนฟุ้งซ่าน และชอบคิดวิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน พอมารู้จักคำสอนของหลวงพ่อก่อเกิดสนใจขึ้นมา เพราะเห็นว่าเป็นการฝึกที่ใกล้ๆตัว
สามารถทำได้ทันที แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่สงสัยเพราะ ส่วนตัวไม่ได้มีความรู้เรื่องธรรมมะมากนัก
ขอบคุณทุกๆท่านที่ชี้แนะครับ

จากคุณ: entomo62   
เขียนเมื่อ: 24 ก.ย. 55 12:05:25 







http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12696990/Y12696990.html

สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคืออะไรครับ

 สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคืออะไรครับvote   ติดต่อทีมงาน
ได้ยินคำนี้มานานแล้ว "ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ"
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคืออะไรครับ (1)
พยายามหาความหมายของคำนี้มาซักพักนึงแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ

ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงต้องคิดว่า เราจำเป็นต้องมีมัน
ถ้ามันจำเป็นมากจริงๆ แล้วทำไมคนไม่มีศาสนาถึงอยู่ได้ (2)

จากประสบการณ์ ที่ผ่านมา
ได้ยินข่าวคนฆ่ากันเพราะไอ้สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจหลายครั้ง
มันดีจริงเหรอครับ (3)

วงเล็บที่มีเลขอยู่ข้างใน คือ ข้อสงสัยนะครับ

จากคุณ: chidkido 
เขียนเมื่อ: 20 ก.ย. 55 01:17:28 



http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12678117/Y12678117.html


 ความคิดเห็นที่ 5  ติดต่อทีมงาน
สติ จะเหนี่ยวจิตใจให้อยู่กับความจริง
ความเชื่อ จะเหนี่ยวจิตใจให้อยู่กับอุดมคติ

ผมไม่ค่อยพบเห็นสถานการณ์ที่คนเราขัดแย้งกันเพราะ การเผชิญความจริงพร้อมกัน
แต่มักเห็นมากจาก การเชื่อว่าจริงของแต่ละฝ่าย

จากคุณ: koknam  
เขียนเมื่อ: 20 ก.ย. 55 09:10:16 

นับถือ ศาสนาพุทธ..กับ นับถือ พระพุทธ ศาสนา ต่างกันอย่างไร

 นับถือ ศาสนาพุทธ..กับ นับถือ พระพุทธ ศาสนา ต่างกันอย่างไรvote   ติดต่อทีมงาน
นับถือ ศาสนาพุทธ..กับ นับถือ พระพุทธศาสนา    ต่างกันอย่างไร
จากคุณ: prince-npark  
เขียนเมื่อ: 19 ก.ย. 55 23:17:41 



http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12677773/Y12677773.html