โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อย่าเชื่อโดยขาดการพิจารณาด้วยปัญญา เนื้อหาบางส่วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าบทความ ขอสงวนสิทธิในการเผยแผ่ต่อ โปรดเคารพต่อสิทธิของเจ้าของบทความ

วิปลาส

เป็นโชคดีอีกครั้งที่ได้คุยกับพระท่านเดิม ผมนับถือเค้าเป็นอาจารย์เพราะเค้ารู้ลำดับอารมณ์ผมและกระตุ้นผมถูกจุดมาโดยตลอด เมื่อได้คุยกันคราวนี้เค้าทักว่า ระยะนี้เธอจะเห็นผิดเป็นชอบ ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรยังไง เค้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่เค้ายังไม่เข้าใจอาการตัวนี้ เค้าเหยียบมด ฆ่าสัตว์ แต่ไม่ใช่การพยายามฆ่า แล้วเค้าไม่มีความสนใจไม่แคร์ มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตไม่ละเอียดไม่ระวังไม่สำรวมตัว พอเค้าเอ่ยแค่นี้ผมรู้ทันที ใช่เลยมันกำลังเกิดขึ้นกับผม แต่กับผมไม่ใช่เกี่ยวกับการทำลายชีวิตสัตว์ แต่เป็นเรื่องนิสัยบางอย่างของผมเริ่มเปลี่ยนไป ผมเริ่มเก็บข้าวของไม่เป็นระเบียบ ทั้งที่เมื่อก่อนห้องจะสะอาดเรียบร้อย เวลาทำความสะอาดก็ทำให้มันจบจบไป ผมเริ่มถอดรองเท้าไม่เรียง ผมเริ่มโหลดหนังโป๊มาดูยังไงผมก็ไม่ช่วยตัวเองอยู่แล้ว ผมเริ่มฝึกบ้างไม่ฝึกบ้างเพราะยังไงมันก็รู้สึกตัวเกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมเริ่มนอนหลับรวดเดียวถึงเช้าไม่ตื่นระหว่างคืนอีก

ที่ทำไปทั้งหมดนี่มีสาเหตุจากการที่สภาวะจิตมันหลุดจากการครอบงำ มันจึงจะทำหรือจะไม่ทำอะไรก็ได้ ยังไงชีวิตมันก็ไม่ทุกข์ มันเหมือนมีคำพูดในหัวตลอดว่า อะไรยังไงก็ได้ ไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรเลย ยังไงใจก็ไม่ทุกข์ประคองกายให้สบายๆไว้

ห้องหับไม่ต้องจัดมาก ยังไงชีวิตชั้นก็อยู่ได้โดยไม่ทุกข์ เดินจงกรมจะเหยียบมดแมลงสักตัวก็ไม่เห็นเป็นอะไร ชั้นไม่ทุกข์ซะอย่าง ความรู้สึกตัวมันไม่เปลี่ยนเลยไม่ว่าจะฆ่าสัตว์หรือไม่ ตอนนี้สภาวะมันหวนกลับลงมาที่ตัวเอง มันดูแลใจตัวเองไม่ให้ทุกข์ได้แล้ว แต่ว่าผมไม่ทันได้พิจารณาถึงเลยว่า ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สภาวะแบบพระพุทธเจ้า มันเป็นสภาวะแบบพรหม เพราะมันไม่สนใจอะไรเลย มันอยู่ได้ด้วยตัวมันเองโดดๆ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับใคร หิวก็กินง่วงก็นอน ชีวิตแบบนี้ไม่มีทุกข์ก็จริง แต่มันไม่มีประโยชน์กับคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆเลย

แต่พระพุทธเจ้าคือสิ่งที่ไปเกินจากนั้น มันเป็นต้นแบบของความดีงามทั้งปวง มันเป็นชีวิตที่มีคุณภาพต่อสิ่งอื่นๆรอบตัว ไม่ใช่ว่าเราไม่ทุกข์ก็จบภารกิจแล้วนั่นมันเห็นแก่ตัวเกินไป ตรงนี้เองที่เป็นข้อแตกต่างของอนาคามีกับอรหันต์ มันต้องมีสิ่งดีงามในทุกอิริยาบถด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ การพูดและทะลวงไปถึงการคิด

การกระทำและคำพูดยังโกหกได้ แต่ความคิดนั้นไม่มีใครรู้เลย เราจะรู้ตัวเองดีเท่านั้นว่าเรากำลังคิดดีหรือชั่ว จะทำยังไงให้ชีวิตนี้คิดแต่เรื่องเป็นกุศล บางคนบอกว่าความคิดควบคุมไม่ได้มันก็ถูก แต่สำหรับผู้ผ่านการเข้าใจต้นกำเนิดของความคิดมาแล้วจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ เพียงแต่ต้องเอากันแบบสุดทางไปเลยเท่านั้น

หลวงพ่อเทียนบอกว่า วิปลาส ให้ทวนอารมณ์ เมื่อก่อนนี้ผมยังเข้าใจคำว่าอารมณ์ไม่แตกฉาน แต่พอมาถึงจุดนี้ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร พอเข้าใจมันจะไปโยงกับเรื่อง ลักษณะกรรมฐานแบบสมถะ และลักษณะกรรมฐานแบบวิปัสสนา มันเข้าใจไปหมดเลยรวดเดียว มันจึงเหลือแต่การฝึกที่เป็นวิปัสสนาล้วนๆ ไม่มีสมถะอีกแล้ว

สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านผมจะเขียนแนบเอาไว้ซักนิดว่า วิปัสสนา ในความหมายของหลวงพ่อเทียนตามที่ผมเข้าใจ และมั่นใจอย่างมากว่าไม่มีทางผิด แม้ท่านจะไม่สามารถยืนยันให้ได้เพราะจากไปแล้ว ความรู้สึกตัวล้วนๆ นั่นเองที่เป็นตัววิปัสสนา มิน่าทำไมทั้งชีวิตหลวงพ่อเทียนพูดอยู่เรื่องเดียว ให้รู้สึกตัว อะไรอะไรก็รู้สึกตัว ตัวเดียวนี่เองคือตัวอริยสัจ คือตัวสติสัมปชัญญะ คือตัวธรรม คือตัวศีลสมาธิปัญญา คือตัวบุญกุศล คือตัวมรรค คือตัวอริยบุคคล คือตัวพุทธะ ทุกอย่างมาลงรวมกันอยู่ตรงนี้เอง

มันไม่เหมือนกับคำว่าวิปัสสนาที่สำนักอื่นๆหรือตำราสอนกันที่ต้องมานั่งพิจารณาอะไร รู้แบบนั้นมันยังมีความสงสัยในสิ่งที่รู้ แต่พอมารู้วิปัสสนาแบบนี้ จบสิ้นความสงสัย ตลอดชีวิตนี้ผมจะไม่ถามใครในเรื่องนี้อีกเลย

เมื่อผมถามพระท่านนั้นว่า ทำไมเมื่อหลวงพี่บอกว่า จิตผมมันมาอยู่สูงแล้ว แต่ผมไม่รู้สึกสูงต่ำอะไรเลย และทำไมผมยังมีอาการง่วงอยู่อีก ผมไม่ทุกข์กับอาการง่วงก็จริง แต่มันไม่สดชื่น เค้าบอกว่าหลวงพี่ไม่สามารถให้คำตอบได้แล้ว เพราะตัวหลวงพี่เองหรือครูของหลวงพี่เองก็อยู่จุดเดียวกันนี่ ตัวหลวงพี่อยู่ที่ระยะนี้มาสามสี่ปีแล้ว ส่วนอาจารย์ของหลวงพี่อยู่ตรงนี้มาสิบปีแล้ว แม้แต่คำตอบจากหลวงพ่อคำเขียนต่อจุดนี้หลวงพี่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้แล้ว ว่าการจะผ่านตรงนี้ไปทำอย่างไร ถ้าเราผ่านตรงนี้ได้กลับมาบอกหลวงพี่ด้วยนะเพราะหลวงพี่ปัญญาน้อย (เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมได้ยินตัวเจ๋งๆพูดถ่อมตัว มันเป็นคำพูดที่ไม่มีอารมณ์ในน้ำเสียง)

ผมฟังแล้วแปลกใจมากทีเดียวที่รู้ว่า ตัวเซียนๆถูกเด็ดปีกอยู่ตรงนี้นี่เอง มิน่าหลวงพ่อเทียนถึงบอกว่าอารมณ์ตัวสุดท้ายนี่หนักที่สุด ยังโชคดีอยู่บ้างที่ผมมีคนเตือนจึงพอแก้ไขบางส่วนได้




ถ้าผ่านได้ผมจะมาเขียนต่อครับ