โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อย่าเชื่อโดยขาดการพิจารณาด้วยปัญญา เนื้อหาบางส่วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าบทความ ขอสงวนสิทธิในการเผยแผ่ต่อ โปรดเคารพต่อสิทธิของเจ้าของบทความ

กระจอก .....

ผมตัดสินใจจะดร็อปเรียนครั้งแรกตั้งแต่สามปีก่อนหน้าแล้ว อีกครั้งหนึ่งนั้นต่อจากนั้นหนึ่งปี และครั้งสุดท้ายผมก็ทำมันได้จริงๆ สองครั้งแรกนั้นผมถูกยับยั้งโดยคุณแม่ของผม ซึ่งทำให้เราทะเลาะกัน ครั้งที่สองผมถูกยับยั้งโดยคุณพ่อของผม เหตุผลทั้งสองครั้งนั้นเหมือนกัน นั่นคือ ควรจะเรียนให้จบก่อน เรื่องเรียนต้องมาก่อน ในตอนนั้นผมไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาแย้งได้ แต่ใจผมมันแย้งอยู่ตลอดเวลา มันบอกว่า ชีวิตนายไม่ควรมาเสียเวลาอยู่กับเรื่องแบบนี้

นี่เป็นความคิดที่ทำให้ผมตัดสินใจดร็อปเรียนสิบเดือน เพื่อกลับมาใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการเจริญสติ

ตั้งแต่เมื่อผมเกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของตัวเอง การมุ่งหน้าเอาชนะอารมณ์ตัวเอง การไปให้เหนือการควบคุมของความคิด ผมรู้สึกขึ้นมาว่า ไม่มีงานไหนจะสำคัญกว่านี้อีกแล้วในชีวิต ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง นี่คือสิ่งแรกที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะทำงานอื่นต่อไป

ผมเรียนได้ดีทีเดียว ในฐานะคนต่างชาติที่ภาษายังไม่แข็งนัก อาจารย์เกือบทุกคนที่ผมผ่านการร่วมงานด้วย มักจะชอบชื่นชมในผลงาน การเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับหรือแม้แต่การจับแก่นของคำสอนของอาจารย์ได้ถูกต้อง ที่แม้ผมจะไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดในการบรรยาย ผลงานทำให้อาจารย์และเพื่อนๆหลายคนแปลกใจ และให้กำลังใจเสมอว่าภาษาไม่ใช่อุปสรรคหรอก

เรียนไปซักพักผมก็คงใช้ภาษาเยอรมันได้อย่างคล่องแคล่ว ขยันอดหลับอดนอนไม่กี่ปีเดี๋ยวก็เรียนจบ ตื่นนอนตีสองครึ่งไปทำงาน กลับมานอนตอนสายสายปั่นจักรยานไปเรียน แค่ทุ่มเทไปกับเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัวพักไว้ก่อนแค่นี้เกรดก็ออกมาสวยแล้ว

แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันกระจอกเกินไป ใครใครก็ทำได้ ทุกวันนี้ก็มีคนจำนวนมากที่ทำแบบนี้อยู่ ผมจึงเริ่มจับจ้องสังเกตอาจารย์ของผม คนพวกนี้ต้องเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว ไม่ว่าจะทำงานหนัก หัวดีไอเดียเจ๋ง ความรับผิดชอบสูง แต่ผมกลับพบว่าชีวิตเหล่าอาจารย์ ไม่ได้น่าพิสมัยซักเท่าไหร่ คนพวกนี้สีหน้าเหนื่อยอ่อน คร่ำเคร่ง มีภาระเยอะ มาทำงานไม่ตรงเวลา เพราะต้องไปบรรยายหลายที่เกินไป บางคนนักเรียนไม่ชอบเพราะโหดไร้น้ำใจ สอนไม่ได้ความ

ครั้งสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจดร็อปเรียน ผมอยู่ในห้องเล็กเชอร์ยาวนานติดต่อกันแปดชั่วโมง ผมถามตัวเองว่า ชีวิตนายต้องการอย่างนี้จริงหรือ ผมมองดูอาจารย์ตัวเอง เค้าเป็นวิศวกรระดับเก่งมากมาก ที่ทำงานโคอยู่กับสถาปนิกหญิงระดับโลก ผมมองเค้าแล้วบอกตัวเองว่า ถ้านายพยายามอย่างหนัก นายคงจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้กระมั้ง หมอนี้มีดีตรงไหนสีหน้าอ่อนล้า คงต้องกลับบ้านเตรียมงานของวันต่อไปอีก ตื่นแต่เช้าขับรถไปให้ทันเข้างาน เพราะคงมีลูกน้องมากมายรอขอความเห็นของเค้า คงมีลูกเต้าให้ดูแล ต้องคอยกังวลจะเอาลูกเข้าเรียนที่ไหน ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ชีวิตต้องคอยบ่นกับราคาน้ำมันที่ขึ้นๆลงๆ คงมีเรื่องไม่ลงรอยกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานบ้าง ต้องเคยมีปัญหาเครื่องบินดีเลย์แน่ ปีนึงคงมีหยุดพักร้อนซักสามอาทิตย์ คงไปเที่ยวหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งปี แล้วกลับมาลุยงานหนักต่อไป เป็นอย่างนี้ซ้ำๆไปเรื่อย

เอ๊ะ.... ไม่ใช่แค่หมอนี่นี่นา ทุกคนส่วนใหญ่ก็มีสภาพคล้ายๆอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ แม้ผมจะพยายามเรียนให้จบ ไต้เต้าเพื่อให้ได้งานการดีดีทำ แม้ผมกำลังเรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ถ้าผลของมันออกมาแล้วเป็นเหมือนคนอื่นๆแบบนี้ จะเรียกว่าคนเก่งหรืออะไรก็ตาม ชีวิตกระจอกแบบที่ใครใครก็กำลังทำได้อยู่นี่ ผมไม่เอา ผมไม่อยากมีชีวิตเหมือนคนทั่วไปที่มีภาระผูกพันชีวิตแบบนี้

ผมถามเพื่อนหลายๆคนซึ่งเป็นคนต่างชาติว่า เฮ้ ..ชีวิตนายต้องการอะไร จุดมุ่งหมายในชีวิตของนายคืออะไร บางคนบอกว่า มีบริษัทของตัวเอง แต่งงานกับคนที่รัก สร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินไปเที่ยวทุกปี บางคนบอกว่าได้ทำงานเสียสละ ได้เป็นประโยชน์เพื่อคนอื่นให้กับองค์กรซักแห่ง มีหลายคนตอบปัญหานี้ไม่ได้ บางคนบอกว่ายังไม่รู้ นี่รวมไปถึงคนมีอายุด้วยนะครับ ผมไม่รู้สึกปลื้มกับคำตอบเท่าไหร่ ผมมองเห็นหลายคนแล้ว ที่เค้าประสบกับสิ่งที่พวกนี้อยากได้แล้ว ไม่เห็นว่าชีวิตมันจะน่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่

เมื่อผมมองคนรวยมีเงินล้นฟ้า ผู้มีอำนาจทางการเมือง หรือดารานักแสดง เจ้าของธุรกิจ ชีวิตคนพวกนี้ไม่มีความสุขอย่างที่สายตาคนจนๆมองหรอก เพราะอะไร เพราะผมโชคดีที่ครอบครัวทางฝั่งคุณพ่อผมทำงานด้านโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง คนที่มาหาให้ทำนายมีทุกประเภทตั้งแต่รวยจัด จนถึงจนจัด หรือเชื้อพระวงศ์ ทุกระดับไม่มีใครไม่มีปัญหาชีวิต ทุกคนมีทุกข์ทั้งนั้น ไม่มีใครมีความสุขจริงๆเลยซักคนเดียว ผมไม่ต้องการมีชีวิตกระจอกเหมือนคนพวกนี้ ที่ภายนอกดูดี แต่ภายในแย่

ชีวิตรุ่นผมคงไม่มีอะไรสนุกไปกว่าเรื่องผู้หญิง แต่ผมสังเกตว่าไม่ว่าจะคนไทย หรือต่างชาติ การคบผู้หญิงที่ละหลายๆคน หรือเปลี่ยนคู่นอนได้บ่อย กลับเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ชีวิตแบบนี้ไม่แน่ซักเท่าไหร่ คนที่สามารถรักคนได้ทั้งแผ่นดิน ต่างหากแน่จริง


แล้วอะไรล่ะที่มันไม่กระจอก

สิ่งที่ผมถามตัวเอง จนท้ายที่สุดได้คำตอบต่อตัวเองออกมานั่นคือ
การเอาชนะตัวเองคือ สิ่งที่ไม่กระจอก มันโคตรยาก ความสำเร็จนี้ต้องไม่ใช่ให้ใครมายกย่อง มอบคุณวุฒิให้ หรือมีคนมองด้วยสายตาทึ่งจัด ผมต้องการให้ตัวเองยืดอกบอกกับตัวเองได้ว่า นายทำสำเร็จแล้ว นายเอาชนะตัวเองได้แบบไม่มีข้อกังขาแล้ว ความสำเร็จแบบนี้จะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง ทำให้ตัวเองยอมรับตัวเองได้อย่างหมดจด นายแน่จริงที่เอาชนะนายได้


ทำไมธรรมถึงเข้าถึงยากเย็นนัก นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด คนบางคนทุ่มเทแทบปางตาย บางคนเสียสติ มีพระมีวัดเป็นแสนๆ ทำไมประเทศยังพังพินาศ มันต้องมีแก่นเคล็ดอะไรซักอย่าง ที่ไม่ใช่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้หรือร้านหนังสือห้องสมุดแน่ๆ ผมจะเป็นเหมือนหลายๆคนไหมนะ ที่แม้จะหยุดเรียนกลางคัน ลงทุนไปอย่างนี้ ก็ยังเข้าใจธรรมไม่ได้ ผมไม่ทราบแต่ผมพร้อมจะเสี่ยง และเดิมพันกับทุกอย่างที่มี ไม่มีคำว่าถอยหลัง นี่ซิคือของที่ไม่กระจอก ของแบบนี้ไม่กระจอกแน่ๆ ใจที่พร้อมจะเดิมพันทุกอย่างกับสิ่งที่เราไม่รู้ว่าคืออะไร แต่สันชาตญาณบอกว่ามันมี แบบนี้หาไม่ได้ง่ายในหมู่ชนคนทั่วไป คนที่ไม่ใช่พูด แต่ทำ คนที่ไม่ได้เอาแต่สั่งวางแผน แต่เป็นคนที่ออกไปทะลวงฟันแถวหน้า คนที่เดินสวนทางกับทุกคนอย่างไม่หวาดกลัว และถูกกระแสชนพัดให้หวนกลับ





เมื่อผมฟัง สุนทรพจน์ ของ สตีฟ จ๊อปส์ ต่อนักศึกษาที่จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อีกเป็นครั้งที่สอง เพราะมีคนส่งเมล์มาให้ เรื่องการเชื่อมจุด เรื่องความรักและการเสียของรัก และเรื่องความตาย ผมตัดสินใจแน่วแน่ว่าผมจะดร็อปเรียน ไม่ว่าคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนฝูง อนาคต หรือแม้แต่ตัวเอง ไม่มีใครหยุดสัญชาตญาณนี้ได้อีกแล้ว มันรู้จากส่วนลึกว่า ถึงเวลาแล้วที่นายต้องทุ่มลงไปทั้งชีวิต


ทำไม มันมีบางอย่างที่แม้แต่คนที่ทุ่มเททั้งชีวิต ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ นี้คือความท้าทายที่สุดในชีวิต ผมเลือกเดินทางนี้ ถ้ามันทำไม่ได้ก็ให้มันตายไปเลย


ผมหลงรักสถาปัตยกรรมก็จริง แต่ผมกลับรักการเจริญสติมากกว่า

ผ่านการดร็อปเรียนมาเจ็ดเดือน ยังไม่มีวันไหนเลยที่ผมมานักนึกว่าไม่น่าทำเลย ผมกลับรู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ชีวิตมีค่าอย่างแท้จริง ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะย้อนไปก่อนที่ผมจะเข้า ม.1 เลิกเรียนมาเจริญความรู้สึกตัวอย่างเดียวเท่านั้น





ขอให้วันนี้ของเธอสวยงามต่อไป