โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อย่าเชื่อโดยขาดการพิจารณาด้วยปัญญา เนื้อหาบางส่วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าบทความ ขอสงวนสิทธิในการเผยแผ่ต่อ โปรดเคารพต่อสิทธิของเจ้าของบทความ

ต้นตอของความคิด .....

แน่นอนว่าจะไม่มีการบอกอยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่เมื่อมีใครซักคนเดินมาถึงจุดนี้ได้ คนที่เดินมาก่อนแล้วจะบอกรับรองคุณได้เองว่า “ใช่แล้ว”

ผมเขียนบทความอันนี้ขึ้นเพียงแค่เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้มาเข้าใจ ในจุดที่หลวงพ่อเทียนกล่าวไว้เรื่องของลำดับอารมณ์ปฏิบัติด้วยการเจริญสติแบบเคลื่อนไหว การเข้ามารู้เข้าใจจุดนี้มีจริง เกิดขึ้นได้จริง รู้แล้วใช้ได้จริง

ต้นตอของของความคิดอันนี้เป็นคนละเรื่องกับ สมมตฐานของความคิด
สมมตฐานของความคิดเป็นลักษณะของการคิด ว่าเรื่องที่คิดมีที่มาจากอะไร คนที่อยู่อารมณ์รูปนาม ต้องรู้ดีอยู่แล้วคงไม่เสียเวลาอธิบาย

แต่ต้นตอของความคิดเป็นเรื่องกลไกของความคิด ทิศทางที่ความคิดมุ่งไป ทำไมความคิดถึงมุ่งมาทางนี้ ทำไมบางทีความคิดมุ่งไปทางอื่น และทำอย่างไรให้มันหยุดคิดโดยใช้กลไกตามธรรมชาติ ไม่ใช่การห้ามไม่ให้คิด ปล่อยให้คิดแต่มันคิดขึ้นมาไม่ได้

เมื่อเดินมาถึงตรงนี้จะเข้าใจ สภาวะการข้ามอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ สภาวะที่เรียกว่ามันเป็นของที่ตรงข้ามกัน เมื่อตัวหนึ่งเกิดอีกตัวหนึ่งจะเกิดไม่ได้ สภาวะที่เรียกว่า อึดใจเดียว สภาวะแมวไม่เคยกลัวหนู สภาวะที่ศีลกลายเป็นพระ

ขันธ์ห้ายังทำงานแต่ปรุงไม่ได้ รูปมีแต่ไม่ทุกข์กับรูป เวทนามีแต่ไม่ทุกข์กับเวทนา สัญญาสังขารมีแต่ไม่ทุกข์ วิญญาณมีแต่ไม่ทุกข์ ขันธ์ห้าถูกแยกออกจาก ศีลสมาธิปัญญา อย่างเด็ดขาดมันเป็นคนละส่วนกัน

จากอาการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป จะเหลือเพียงอาการเกิด-ดับ เพราะอุปทานถูกกำจัดออกไปแล้ว อุปทานตัวนี้เป็นคนละตัวกับการยึดมั่นถือมั่นในลักษณะความคิดนะครับ นี่คืออุปทานที่ยึดอารมณ์ เหมือนกับที่มีหลายๆคนที่เริ่มฝึก แล้วถามว่า ทำไมรู้เท่าทันความโกรธแล้ว ความโกรธไม่ดับ หรือความโกรธดับแต่ทำไมยังทุกข์อยู่ นั่นเพราะอุปทานมันเสวยอารมณ์อยู่

เมื่อไม่ยึดอารมณ์ การตั้งอยู่จึงไม่มี มันเร็วมากนะครับ

ถึงตอนนี้ลองไปเปิดหนังสือ ธรรมะ เซน เต๋า ที่พรรณนาความเลิศหรูของความว่างทั้งปวง คุณจะรู้ว่าของจริงเป็นคนละเรื่องกับที่เขียน มันไม่ได้ว่างอย่างที่แสดงออกทางหยดหมึกตามที่เคยเข้าใจซักหน่อย

คุณจะเข้าใจว่า ทำไมสภาวธรรมถึงพูดออกมาไม่ได้ เพราะว่า สภาวะนี้เป็นคนละส่วนกับความคิด มันอยู่นอกเหนือการทำงานของความคิด ความคิดไปจับต้องมันไม่ได้ มันสัมผัสชัดเจนแต่พอจะพูดกลับพูดบรรยายไม่ได้เพราะ พอสัมผัสมันชัดอยู่อย่างนั้น ความคิดก็หยุดทำงานไปเฉยๆ เมื่อไม่คิดมันก็พูดให้รู้เรื่องไม่ได้

ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่า คนแรกที่กล้าประกาศสอนเรื่องนี้อออกมาใจเด็ดขนาดไหน เพราะมันเป็นสภาวะที่ไม่มีมนุษย์หน้าไหนรู้จักมาก่อน มันไม่ใช่สุข มันไม่ใช่ทุกข์ มันเป็นสภาพที่บรรยายไม่ได้เลย ถ้าแพล่มออกมาได้ก็ไม่ใช่ธรรมแน่นอน เพราะกลไกธรรมชาติมันล็อคไว้

มันต้องเหนื่อยขนาดไหนกันที่บอกได้เพียงแค่วิธีเดินเข้ามาเจอ สิ่งที่มนุษย์ไม่รู้จัก มีกี่คนที่จะมานั่งทนฟัง แล้วยังให้ทดลองทำบอกว่าอย่างช้าเจ็ดปี

สิ่งเหล่านี้มีจริงและพบได้ถ้าคุณแน่พอ สำหรับคนที่กำลังเดินทางแล้วยังมาไม่ถึงตรงนี้ ผมขอให้กำลังใจจากประโยคที่ผมชอบมาก



“มันจะเกิดขึ้นกับคุณต่อเมื่อคุณพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน”



ขอให้วันนี้สวยงามต่อไปครับ